โปรโมทเว็บไซต์คุณกับแอดยิ้มวันนี้ กระจายโฆษณาของคุณ สู่เว็บไซต์คุณภาพ

บทความล่าสุด

สุขภาพ การดูแลผิว ป้องกันโรค แพทย์ ยา สมุนไพร

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของ ยาสีฟัน

  อันว่ายาสีฟันนี้  นอก จากจะทำให้ฟันสะอาดสดใสแล้ว ยาสีฟันยังใช้งานได้อย่างวิเศษกับของอย่างอื่นที่ไม่ใช่ฟันด้วยนะครับ
 และนี่คือการใช้ยาสีฟันแบบสีขาว (เว้นแต่บอกไว้อย่างอื่น) กับงานต่าง ๆ รอบบ้านและรอบตัวคุณ
       
    1. บรรเทาอาการระคายเคืองจากแมลงกัดต่อยหรือแผลพุพอง ทายา สีฟันลงไปบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อยโดยตรง มันจะบรรเทาอาการคันและลดความบวมลงได้ ส่วนแผลพุพองยาสีฟันจะทำให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น โดยควรทาทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

    2. บรรเทาแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก สำหรับแผลเล็กน้อยที่ไม่มีรอยเปิด ยาสีฟันจะให้ความเย็นที่ช่วยบรรเทาอาการได้ โดยต้องทาลงไปทันทีหลังเกิดรอยแผล

    3. กำจัดสิว อยากให้สิวหายเร็วขึ้นงั้นหรือ? ลองทายาสีฟันลงบนสิวแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกในตอนเช้าสิ สิวจะยุบลงและหายเร็วขึ้น

    4. ทำความสะอาดเล็บ ทั้งเล็บและฟันมีส่วนประกอบของกระดูกเหมือนกัน ยาสีฟัน จึงดีกับเล็บเช่นกันเพราะฉะนั้นอย่าลืมใช้แปรงและยาสีฟันขัดเล็บเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เล็บสะอาดเป็นเงางาม และแข็งแรงขึ้น

    5. ทำให้ผมอยู่ทรง ยา สีฟันแบบเจลมีส่วนผสมของโพลีเมอร์ที่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนผสมแบบเดียวกับที่เจลแต่งผมส่วนใหญ่ใช้ ฉะนั้น ถ้าคุณมองหาอะไรที่จะสร้างสรรค์ผมซึ่งต้องการความอยู่ตัวแบบสุด ๆ แต่เจลแต่งผมเกิดขาดมือ ลองใช้ยาสีฟันแบบเจลแทนก็ได้

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กินให้น้ำหนักลด แบบเห็นผล

รับประทานอาหารน้อยลงประมาณวันละ 500 แคลอรี่
คุณลองตัดรายการอาหารที่รับประทานอยู่ลงบ้างสิ

ควรตั้งเป้าหมายน้ำหนักที่ต้องการจะลดอย่างเหมาะสม 
 และมีการบันทึกน้ำหนัก สัดส่วนของร่างกายทุกสัปดาห์

ควรมีการวางแผนการรักษาน้ำหนักตัวเมื่อการลดน้ำหนักสิ้นสุดลง นั่นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาน้ำหนักตัวไว้ในระยะยาว รวมถึงการควบคุมการกินอาหาร ซึ่งอาจต้องเพิ่มอาหารขึ้นเล็กน้อย เพื่อมิให้น้ำหนักลดลงมากกว่าที่ตั้งใจไว้


หลักการลดน้ำหนัก
1. ลดปริมาณอาหารโดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง แต่ ละมื้อที่รับประทาน เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง อาหารที่มีไขมันสูงหมายถึง อาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน ไขมัน มาการีน เนื้อสัตว์ติดมัน-หนัง เนย กะทิ ซึ่งดูด้วยตาแล้วอาจบอกไม่ได้ว่าใช้น้ำมันมากหรือไม่ แต่ให้สังเกตลักษณะอาหารที่มีความมันวาวเนื้อสัมผัสนุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง หรือบางอย่างจะกรอบ ตัวอย่างเช่น ผัดซีอิ้วใส่ไข่ ผัดไทย หอยทอด พาย คุกกี้ เป็นต้น ควรเลี่ยง

2. ระดับพลังงานไม่ควรต่ำเกินไป เพื่อให้ร่างกายยังคงได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ระดับพลังงานในการลดน้ำหนักที่ต่ำสุดและปลอดภัยใน 1 วัน คือ ต้องกินอาหารให้ได้พลังงาน 1200 แคลอรี่สำหรับผู้หญิง และ 1500 แคลอรี่สำหรับผู้ชาย
ข้อแนะนำ
นม : เลือกนมพร่องไขมัน, นมไม่มีไขมัน, โยเกิร์ตรสจืด
เนื้อสัตว์ 1 ส่วน : หมายถึง เนื้อสัตว์ชิ้นขนาดกล่องไม่ขีดไฟ (เล็ก) หรือสับละเอียดขนาด 2 ช้อนโต๊ะ หรือ
ลูกชิ้น 5 - 6 ลูก หรือหั่นบางๆ 5 - 6 ชิ้น หรือไข่ 1 ฟอง หรือกุ้งขนาด 2 นิ้ว 4 - 5 ตัว
หรือปลาทู ? ตัว
ข้าว 1 ส่วน : สามารถเลือกกินขนมปัง 1 แผ่น หรือข้าวสุก 5 ช้อนโต๊ะ หรือข้าวต้ม 2 ทัพพี หรือขนมปังกรอบ
2 แผ่น
ผลไม้ 1 ส่วน : เช่น มะละกอสุก 8 ชิ้นเล็ก หรือมะม่วงดิบ 3 ชิ้นยาว หรือลูกตาล 3 ลอน หรือสับปะรด 8 ชิ้นเล็ก
หรือฝรั่ง 1 ผลเล็ก หรือแอปเปิ้ล 1 ผลเล็ก
ผัก : ควรเลือกผักที่มีสีเขียวเข้ม สีแดง สีส้ม สีเหลือง
ไขมัน : ควรเลือกใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว หรือบางมื้ออาจใช้เนย ? ก้อนเล็ก หรือหัวกะทิ
2 ช้อนกินข้าว แทนไขมัน 1 ช้อนชา

อยากผิวพรรณดี ต้องทาน

 อยากผิวพรรณดี ต้องทาน

เนื้อปลา เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย

น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันพืชที่แม้จะมีแคลอรีสูงก็จริง แต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์ ต่อร่างกายสูง และเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ที่สำคัญในน้ำมันมะกอก ยังประกอบด้วยวิตามินเอและอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม

เมล็ดข้าวและธัญพืช ทั้งข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูง และวิตามินอีซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่จะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์แล้ว ยังมีงานวิจัยระบุว่าวิตามินอีช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว และช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้แก่ผิวด้วย

ผลไม้และผักสด ผักสดมีวิตามินเอ ช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้ง สดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ มีวิตามินซีที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ผลไม้ ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด ฝรั่ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอมาก ได้แก่ กล้วย มะละกอ ฟักทอง แครอท

น้ำเปล่า น้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกาย และหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วโต เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่องแบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และยังป้องกันผิวหย่อนยานจากการลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก...สาระแน.คอม

ยิ่งกินยิ่งไม่สวย

# เครื่องเทศ (หัวหอม กระเทียม และพริกแกง)
หากมีอาหารรสชาตอ ร่อยจานไหน ที่ปรุงด้วยเครื่องเทศเหล่านี้อย่างกระหน่ำมือล่ะก็ ไม่ควรเป็นอย่ายิ่งที่จะสั่งมาทาน เพราะหลังจากที่คุณรับประทานเจ้าพวกนี้เข้าไป กลิ่นอันรุนแรงของมัน ก็จะติดปากคุณแน่นยาวนาน ซึ่งจะทำให้ ความมั่นใจที่จะกระซิบกระซาบต่อกัน จะหดหายไปอย่างแน่นอน
# น้ำอัดลม
สาวๆ ผู้รักสวยทั้งหลาย จงระวังเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมให้ดี เพราะนอกจากน้ำจะทำให้คุณอ้วนกลมได้หากรับประทานบ่อยๆแล้ว มันยังเป็นต้นเหตุของแก็สในกระเพาะอาหาร ที่อาจทำให้คุณเผลอ เรอ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว คงไม่ดีแน่
# ผักดิบ จำพวกกระหล่ำดอก กะหล่ำปลี และบล็อกโคลี
ผัก ดิบเหล่านี้ก็เป็นตัวการอีกตัวที่ทำให้เกิดแก็สในกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องไส้คุณปั่นป่วน อึดอัดอยากผายลม ซึ่งอาจทำให้คุณต้องวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ รู้แบบนี้แล้ว ก็หลีกเลี่ยงเถอะนะ
# ข้อระมัดระวังในงานเลี้ยง
ถ้าหากนัดสำคัญของคุณ บังเอิญเป็นงานเลี้ยง มีแต่อาหารอร่อย เย้ายวนความอยาก กิน กิน กิน ของคุณเสียเต็มประดา นอกจากว่า ให้ระวังภาพพจน์ที่อาจเสียหายเพราะอาหารบางจานข้างต้นแล้ว ก็ยังต้องไม่ลืม ควบคุมตัวเอง ไม่ให้กินเพลินจนอ้วนแผละ เนื่องจากชีวิตนี้ เจองานเลี้ยงบ่อยเหลือเกิน ดังนั้นจึงจำ

ดูดีได้ แค่ทานอาหาร

คุณรู้รึเปล่าว่าอาหารที่เรารับประทานกันทุกวันนี้ บางอย่าง บางชนิด ช่วยทำให้คงความหนุ่ม-สาวที่คุณแสนจะหวงแหนไว้กับคุณได้นานมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!!!


1. หยุดผมร่วง
รับประทาน กล้วย
ผล ไม้มหัศจรรย์ที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ซึ่งมีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี เป็นสารอาหารสำหรับ เส้นผมที่ดีมาก การรับประทานกล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จึงช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน ถ้ากล้วยผลใหญ่เกินกว่าจะรับประทานได้สะดวกก็หั่นให้ชิ้นเล็กลงหน่อยหรืออีก วิธี คือ ผสมกล้วยกับแชมพูที่ทำจาก น้ำผึ้งแล้วนำมาสระผม ก็จะช่วยเน้นประสิทธิภาพในการป้องกันผมร่วงและช่วยให้ผมนุ่มสลวยขึ้นด้วย

2. ถ้ามีผิวมันมากเกินไป
ต้องรับประทานธัญญาหารทุกเช้า
เพราะ การรับประทานธัญญาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี2 ทุกวัน จะเป็นตัวช่วยในการหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกินของต่อมผลิตภายในร่างกาย ซึ่งเป ็นสาเหตุหนึ่ง ของเส้นผมบางและมัน แต่ถ้าไม่สะดวกในการรับประทานธัญญาหารเปล่าๆก็ลองผสมกับนมเย็นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติขึ้นก็ได้

3. หยุดการลอกของผิวหนัง
ใช้น้ำมันจาก Primrose ที่มีดอกสีเหลือง
ลอง รับประทานวันละ 2 แคปซูล ทุกเย็น จะช่วยให้ได้ผลดีอย่างยิ่ง ผิวหนังและหนังศีรษะจะดีขึ้น แต่ถ้าการรับประทานอาหารเสริมแคปซูลทำให้เกิดอาการติดคอ ก็เปลี่ยนมา รับประทานปลาแซลมอนใส่เกลือรมควัน อาหารทะเลหรือสลัดผักสดก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะให้สรรพคุณทัดเทียมกับน้ำมัน Primrose ทีเดียว

นิสัยทำลายสุขภาพ อย่างรุนแรง

1. ไม่มีเวลาสำหรับอาหารเช้า
คนจำนวนมากไม่มีเวลาพอสำหรับอาหารเช้า ประโยคยอดนิยม คือ "ขอกาแฟแก้วเดียวก็พอแล้ว" ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกาแฟแก้วเดียวนั้น ไม่พอแน่นอน สำหรับความต้องการของร่างกาย และการใช้พลังงานตลอดภาคเช้าก่อนที่อาหารกลางวันจะตกถึงท้อง
คำแนะนำ : หากไม่สามารถตื่นให้เช้ากว่านี้ได้ ก็ให้ตัดเวลาเตรียมตัวออกไป หรือเตรียมอาหารเช้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เลือกกินผลไม้เปลือกแข็ง และพวกธัญพืชสัก 1 กำมือ ก็เพียงพอที่จะให้พลังงานสำหรับวันใหม่แล้ว

2. กลืนยาเม็ดโดยไม่ดื่มน้ำ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มักจะพบเห็นเสมอ กินยาเม็ดโดยไม่ใช้น้ำ (..ทำได้ไง?) ประเภทคว้ายามาได้ก็กลืนเข้าปาก ทำคอยึกยัก เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี คนประเภทที่ว่านี้มักจะถือคติ ทำชีวิตให้ง่ายเข้าไว้ พฤติกรรมดังกล่าวนี้..ผิดอย่างมหันต์ เสี่ยงต่อการเกิดแผลเปื่อยอย่างรุนแรงบริเวณหลอดอาหาร จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว
คำแนะนำ : ทางแก้ง่ายๆ สำหรับกรณีนี้ คือ ดื่มน้ำตามหลังกินยาทุกครั้ง ทำให้ติดเป็นนิสัย เพราะมันดีต่อสุขภาพ

3. เข้าฟิตเนสไม่สม่ำเสมอ แต่โหมออกกำลังกาย
หลายคนมีงานรัดตัว พอนึกขึ้นว่าไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายสัปดาห์ ก็วิ่งเข้าฟิตเนสเลย หวังว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้น ก็โหมออกกำลังกาย เพราะรู้ตัวว่ามีเวลาน้อย แถมไม่ได้ทำมานาน และผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจจะเสียสมดุลไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
คำแนะนำ : หากคุณหายไปจากโรงยิมนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ สิ่งที่ควรจะทำ คือ กลับมาเริ่มใหม่ ตั้งแต่วอร์มร่างกายและเริ่มออกกำลังกายทีละน้อย ไม่หักโหม ค่อยปรับระดับไปเรื่อยๆ ตามสมดุลของร่างกาย และทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ร่างกายก็จะกลับมามีกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่แข็งแรงเหมือนเดิม
 

สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด

1.  บริหารสมองอยู่เสมอ
  ยิ่งเราใช้สมองมากและบ่อยเท่าไหร่  เซลล์สมองจะยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น  ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ความสามารถในการจำดีขึ้นตามไปด้วย  วิธีบริหารสมอง  เช่น  การเล่นหมากฮอส  ต่อจิ๊กซอว์  หรือเล่นครอสเวิร์ดในเวลาว่าง

2.  กินยาเสริมความจำ
  มีผลการวิจัยยืนยันว่าหลังจากการกินโสมในปริมาณ  400 มิลลิกรัมไปแล้ว  1 ชั่วโมง  จะทำให้ความสามารถในการจำดีขึ้นและส่งผลต่อไปอีกถึง  6 ชั่วโมง  แปะก๊วยก็มีการยืนยันว่าส่งผลดีต่อระบบความจำเหมือนกัน  เพราะจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในสมอง  นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในอเมริกาพบว่า  Vinpocetine  ที่สกัดได้ขากต้น  Periwinkle (ไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่มีดอกสีฟ้า  ใบเข้มเป็นมัน)  นั้นจะช่วยเพิ่มความจำและความจดจ่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้มากขึ้นได้

3.  กินผักและผลไม้สด
  เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงในผักและผลไม้สด จะไปทำลายอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจากการสะสมเป็นเวลานอนของเนื้อเยื่อไขมันอันจะ ทำให้สมองอ่อนแอลง  และช่วยชะลออาการความจำถดถอยในผู้สูงอายุ  อาทิ  ผมไม้ที่มีสีแดง  ม่วง  และน้ำเงิน  โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ  จะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีความเข้มข้นสูงที่เรียกว่า  Anthocyanidin

4.  ลดปริมาณแอลกอฮอล์
  เพราะจะส่งผลต่อการปลดปล่อยสาระสำคัญในสมองโดยจะไปขัดขวางความสามารถในการสร้างความจำใหม่ ๆ  โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นชื่อ  ตัวเลข  และเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น  ยิ่งไปกว่านี้  ความสามารถในการระลึกเหตุการณ์ณ์หรือเรื่องราวเก่า ๆ  ในอดีตก็จะถูกบั่นทอนไปด้วย

18 คำตอบ ที่ทำให้คุณไม่มีเรี่ยวแรง

หนังสือพิมพ์ต่างประเทศ daily mail เข้าเล่าว่า

เวลาที่เราอ่อนเพลีย เรามักโทษความเครียดและการนอนน้อย แต่ยังมีสิ่งผิดปกติอื่นๆ อีกที่สามารถสูบพลังจนหมดตัวคุณได้ 

มีอยู่ 18 คำตอบที่จะบอกได้ว่าทำไมเราถึงเพลียกันได้ เพลียกันดีครับ พี่น้อง เอิ๊กๆๆ

1. ใช้โทรศัพท์มากเกินไป
คุณจะเสียน้ำในร่างกายไปทางปากขณะพูด
ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า 'phone-fatigue'ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพนักงานตามศูนย์บริการลูกค้า อาการขาดน้ำทำให้เลือดแข็งตัวและลดปริมาณออกซิเจนในระบบที่เป็นตัวให้พลังงาน

ดัง นั้น ถ้าพี่น้องใช้โทรศัพท์นาน ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างคุย แต่ไม่ใช่แบบดื่มไปคุยไปนะครับ อึกๆๆอ๊อกๆๆ อะแหวะๆ เด๋ยวไม่รู้เรื่อง เอิ๊กๆๆๆ

2. ความดันเลือดต่ำ
ความดันเลือดต่ำคือสาเหตุใหญ่ที่คุณหมดแรง แพทย์ยังไม่รู้ว่าทำไม แต่เป็นไปได้ว่ามันทำให้เลือดส่งไปยังสมองไม่เต็มที่ซึ่งอาจทำให้อ่อนเพลีย อาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคนที่มีความดันเลือดต่ำ คือ รู้สึกหน้ามืดเวลาลุกขึ้นปุปปับ หรือเวลายืนนานๆถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ ชัวร์สุดครับ 

3. เล่นเน็ตดึกเกินไป
ฮอร์โมนเมลาโทนินจะกระตุ้นให้เรานอนหลับ แต่แสงจากจอคอมพิวเตอร์ อาจทำให้เราหลับยากโดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังดูสิ่งที่สนใจอยู่ ซึ่งทำให้คุณมักนอนดึก และมีเวลานอนหลับน้อยลงให้คุณทำอย่างอื่นที่ผ่อนคลายกว่า เช่น อ่านหนังสือแล้วดูสิว่าคุณจะตื่นตัวมากกว่าเดิมในวันใหม่หรือเปล่า

4. กินอาหารไม่เต็มที่
การเฝ้ารออาหารจะเพิ่มปริมาณน้ำย่อย และทำให้เราดูดซับสารอาหารได้มากขึ้นที่มันเกี่ยวกับอาการอ่อนเพลีย ก็เพราะการขาดธาตุเหล็กคือหนึ่งในสาเหตุของความอ่อนเพลียที่พบมากในผู้หญิงดังน ั้นไม่ว่าอะไรที่เพิ่มระดับสารอาหารให้คุณก็จะเพิ่มพลังใจและกายให้ด้วย สู้ๆครับ

5. ไม่ออกกำลัง
นักวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังอย่างน้อย 20 นาทีแม้จะแค่อาทิตย์ละครั้งก็จะรู้สึกอ่อนเพลียน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังเลย
ประมาณ ! 30%ถ้าเห็นว่าออกกำลังเป็นเรื่องยากเกินไปให้คุณกินผักและผลไม้เพิ่มคนที่กินผักผลไม้อย่างน้อย 4-5 จานต่อวัน
จะออกกำลังได้อย่างสบายๆ

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

การออกกำลังกายแบบนำไขมันมาใช้ทั่วร่างกาย

คือการออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดใหญ่หลายๆ มัด แรงต้านไม่มากแต่เวลานาน หัวใจเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติ เช่นวิ่ง ปั่นจักรยาย เดินเร็ว แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นเวลานาน อย่างน้อย 20 - 30 นาทีต่อเนื่อง
ห้าม หยุดก่อนถึง 15 นาที ไม่ใช่ว่าร่างกายจะจำ แล้วนับทบต่อนะ (เช่น ออก 5 นาที พัก ต่ออีก 10 นาที) มันจะกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่เลยครับ

อ้อ...เวลาที่เหมาะกับการออก กำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ถ้าเป็นไปได้ให้เป็นตอนเช้า ก่อนทานอาหารเช้า เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายตื่นตัวจากการหลับไหล พร้อมที่จะเผาผลาญสารอาหารได้ดีที่สุด แล้วยังกระตุ้นให้เราสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แข่งขันลดน้ำหนัก ชิงรางวัลกว่า 1 ล้าน Thailand super loss 2010

ที่สุดแห่งการแข่งขันที่ทุก คนรอคอย Thailand Super loss 2010 การแข่งขันลดน้ำหนักครั้งยิ่งใหญ่  มูลค่ารางวัลรวม 1,000,000 บาท และผู้ชนะจะได้เป็นพรีเซนเตอร์ของ บอดี้เชพ โดยคัดเลือกจากผู้ชนะ จากผู้เข้าโครงการ 100 ท่านจะรับการลดน้ำหนักจากผลิตภัณท์และบริการของบอดี้เชพฟรี   กิจกรรมดีๆที่ส่งเสริมสุขภาพ ซึ้งปัจจุบันประเทศไทย ติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่มีคนอ้วนมากที่สุด โดยพบว่าแบ่งเป็นชาย ร้อยละ 50.9 และ เพศหญิง ร้อยละ 72.5 บอดี้เชพเล็งเห็นอันตรายต่างๆจากความอ้วน การรับสมัคร ไม่จำกัด เพศ วัย อายุ ใดๆทั้งสิ้น และ สมัครฟรี ได้ตั้งแต่วันนี

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดวิธีดูแลผิวหน้าให้สวยใส ขจัดสิวอุดตันทุกรูขุมขน

เคล็ดวิธีดูแลผิวหน้าให้สวยใส ขจัดสิวอุดตันทุกรูขุมขน

สิวส่วนใหญ่มักจะเกิด ตอนอยู่ในช่วงวัยรุ่น เนื่องจากในช่วงวัยรุ่น จะมีต่อมไขมันที่ขยันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ส่งผลให้หน้ามันและอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิว วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีการป้องกันและการรักษาสิวมาบอกกัน...

การป้องกัน

1. อย่าลืมล้างเมคอัพก่อนเข้านอน

2. รักษาใบหน้าให้สะอาดเสมอ

3. ล้างหน้าวันละประมาณ 2-3 ครั้ง การล้างหน้าบ่อยเกินไปไม่ทำให้หยุดเป็นสิว แต่จะทำให้แพ้และสิวก็ขึ้นมามากกว่าเดิมอีก แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ผิวสกปรกเกินไป

4. อย่าเครียด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว

5. ไม่มีคำยืนยันที่แน่นอนว่าขนมหวาน ๆ จำพวกช็อคโกแล็ตนั้น มีผลต่อการเป็นสิวหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ คือ ช็อคโกแล็ตทำให้อารมณ์ดี ไม่เครียด

การรักษา

1. ยาใช้รักษาสิวจะเป็นพวกกรดวิตามิน เอ ในกรณีนี้จะใช้ในคนที่เป็นสิวไม่หายและต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์เท่านั้น เพราะอาจเป็นอันตรายได้

2. อย่าพยายามแต่งหน้าให้หนาเกินไป ในช่วงเป็นสิวควรแต่งหน้าแบบบางเบาหรืออาจไม่แต่งเลย แต่ถ้าเป็นสาวทำงานต้องสวยอยู่เสมอ ก็อย่าลงรองพื้นหนานัก เพราะจะทำให้เป็นสิว และยังเกิดรอยย่นได้ง่าย ๆ อีกด้วย

3.ในกรณีที่มีสิวเสี้ยน วิธีนี้อาจช่วยได้ ใช้ไข่ขาวพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก

4. ทาครีมหรือเจลรักษาสิวที่มีส่วนผสมจำพวก ซาลิไซลิก แอซิด

รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมหันมาดูแลรักษาผิวไม่ให้เป็นสิวกันดีกว่า

วิธีดูแลผิวให้นุ่มเนียนและกระชับ

เรามาลองวิธีที่ทำให้ สวย เด้ง ตึง ได้ทุกสัดส่วนง่ายๆ ดังนี้

1. ลอก
การลอกผิวจะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และยังช่วยสลายไขมัน คุณสามารถจะลอกผิวได้ง่ายๆ

ด้วยตัวเอง โดยนำเกลือทะเลผสมน้ำมันมะกอกมานวดขัดผิว โดยเฉพาะบริเวณผิวที่มีเซลลูไลต์

จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

2. ขัด
การขัดผิวเบาๆ โดยใช้แปรงนุ่มๆ หรือใยบวบที่แช่น้ำให้นิ่ม จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

ให้ทำงานอย่างสม่ำเสมอทั่วถึง และยังช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้หมดจด เวลาที่เหมาะ

ที่สุดในการขัด คือขณะฟอกสบู่ อาบน้ำ

3. ห่อ
หมั่นนำพลาสติกใสๆ บางๆ มาพันต้นขาให้กระชับเพรียวสวย โดยเริ่มจากลงไปแช่น้ำอุ่น จาก

นั้นเช็ดตัวให้แห้ง นำผ้าขนหนูจุ่มน้ำร้อนที่ผสมน้ำมันหอม (กลิ่นมะนาวหรือโรสแมรี่) บิดให้

แห้งพอหมาดแล้วนำมาพันต้นขา จากนั้นจึงพันด้วยแผ่นฟิล์มแล้วทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง

4. ดัน
เป็นการบริหารที่ควรทำทุกวันเพื่อให้ช่วงอกสวย ประกบฝ่ามือทั้งสองไว้กลางหว่างอก

(เหมือนการไหว้) เกร็งและดันฝ่ามือทั้งสองซึ่งกันและกัน ค้างไว้ 10 นาที แล้วทำซ้ำ 5 ครั้ง

5. กลิ้ง
การนวดโดยใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งไปบนผิว จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตมาเลี้ยงผิวได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ควรจะนวดหมุนเป็นวงกลม เริ่มจากขา แขน แล้วปิดท้ายด้วยบริเวณ ช่วงลำตัว

6. ดึง
ใครที่มีไขมันสะสมใต้ผิวหนังตรงสะโพก หรือแก้มก้นมากเกินไป อาจลดได้ด้วยวิธีใช้นิ้วชี้

กับนิ้วหัวแม่มือดึงผิวหนังให้ทั่วทั้งบริเวณสะโพก หมั่นทำเป็นประจำ วันละ 10 นาที ผิวแตก

ลายจะจางลง