โปรโมทเว็บไซต์คุณกับแอดยิ้มวันนี้ กระจายโฆษณาของคุณ สู่เว็บไซต์คุณภาพ

บทความล่าสุด

สุขภาพ การดูแลผิว ป้องกันโรค แพทย์ ยา สมุนไพร

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของ ยาสีฟัน

  อันว่ายาสีฟันนี้  นอก จากจะทำให้ฟันสะอาดสดใสแล้ว ยาสีฟันยังใช้งานได้อย่างวิเศษกับของอย่างอื่นที่ไม่ใช่ฟันด้วยนะครับ
 และนี่คือการใช้ยาสีฟันแบบสีขาว (เว้นแต่บอกไว้อย่างอื่น) กับงานต่าง ๆ รอบบ้านและรอบตัวคุณ
       
    1. บรรเทาอาการระคายเคืองจากแมลงกัดต่อยหรือแผลพุพอง ทายา สีฟันลงไปบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อยโดยตรง มันจะบรรเทาอาการคันและลดความบวมลงได้ ส่วนแผลพุพองยาสีฟันจะทำให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น โดยควรทาทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

    2. บรรเทาแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก สำหรับแผลเล็กน้อยที่ไม่มีรอยเปิด ยาสีฟันจะให้ความเย็นที่ช่วยบรรเทาอาการได้ โดยต้องทาลงไปทันทีหลังเกิดรอยแผล

    3. กำจัดสิว อยากให้สิวหายเร็วขึ้นงั้นหรือ? ลองทายาสีฟันลงบนสิวแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกในตอนเช้าสิ สิวจะยุบลงและหายเร็วขึ้น

    4. ทำความสะอาดเล็บ ทั้งเล็บและฟันมีส่วนประกอบของกระดูกเหมือนกัน ยาสีฟัน จึงดีกับเล็บเช่นกันเพราะฉะนั้นอย่าลืมใช้แปรงและยาสีฟันขัดเล็บเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เล็บสะอาดเป็นเงางาม และแข็งแรงขึ้น

    5. ทำให้ผมอยู่ทรง ยา สีฟันแบบเจลมีส่วนผสมของโพลีเมอร์ที่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนผสมแบบเดียวกับที่เจลแต่งผมส่วนใหญ่ใช้ ฉะนั้น ถ้าคุณมองหาอะไรที่จะสร้างสรรค์ผมซึ่งต้องการความอยู่ตัวแบบสุด ๆ แต่เจลแต่งผมเกิดขาดมือ ลองใช้ยาสีฟันแบบเจลแทนก็ได้

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กินให้น้ำหนักลด แบบเห็นผล

รับประทานอาหารน้อยลงประมาณวันละ 500 แคลอรี่
คุณลองตัดรายการอาหารที่รับประทานอยู่ลงบ้างสิ

ควรตั้งเป้าหมายน้ำหนักที่ต้องการจะลดอย่างเหมาะสม 
 และมีการบันทึกน้ำหนัก สัดส่วนของร่างกายทุกสัปดาห์

ควรมีการวางแผนการรักษาน้ำหนักตัวเมื่อการลดน้ำหนักสิ้นสุดลง นั่นคือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาน้ำหนักตัวไว้ในระยะยาว รวมถึงการควบคุมการกินอาหาร ซึ่งอาจต้องเพิ่มอาหารขึ้นเล็กน้อย เพื่อมิให้น้ำหนักลดลงมากกว่าที่ตั้งใจไว้


หลักการลดน้ำหนัก
1. ลดปริมาณอาหารโดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง แต่ ละมื้อที่รับประทาน เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง อาหารที่มีไขมันสูงหมายถึง อาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน ไขมัน มาการีน เนื้อสัตว์ติดมัน-หนัง เนย กะทิ ซึ่งดูด้วยตาแล้วอาจบอกไม่ได้ว่าใช้น้ำมันมากหรือไม่ แต่ให้สังเกตลักษณะอาหารที่มีความมันวาวเนื้อสัมผัสนุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง หรือบางอย่างจะกรอบ ตัวอย่างเช่น ผัดซีอิ้วใส่ไข่ ผัดไทย หอยทอด พาย คุกกี้ เป็นต้น ควรเลี่ยง

2. ระดับพลังงานไม่ควรต่ำเกินไป เพื่อให้ร่างกายยังคงได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ระดับพลังงานในการลดน้ำหนักที่ต่ำสุดและปลอดภัยใน 1 วัน คือ ต้องกินอาหารให้ได้พลังงาน 1200 แคลอรี่สำหรับผู้หญิง และ 1500 แคลอรี่สำหรับผู้ชาย
ข้อแนะนำ
นม : เลือกนมพร่องไขมัน, นมไม่มีไขมัน, โยเกิร์ตรสจืด
เนื้อสัตว์ 1 ส่วน : หมายถึง เนื้อสัตว์ชิ้นขนาดกล่องไม่ขีดไฟ (เล็ก) หรือสับละเอียดขนาด 2 ช้อนโต๊ะ หรือ
ลูกชิ้น 5 - 6 ลูก หรือหั่นบางๆ 5 - 6 ชิ้น หรือไข่ 1 ฟอง หรือกุ้งขนาด 2 นิ้ว 4 - 5 ตัว
หรือปลาทู ? ตัว
ข้าว 1 ส่วน : สามารถเลือกกินขนมปัง 1 แผ่น หรือข้าวสุก 5 ช้อนโต๊ะ หรือข้าวต้ม 2 ทัพพี หรือขนมปังกรอบ
2 แผ่น
ผลไม้ 1 ส่วน : เช่น มะละกอสุก 8 ชิ้นเล็ก หรือมะม่วงดิบ 3 ชิ้นยาว หรือลูกตาล 3 ลอน หรือสับปะรด 8 ชิ้นเล็ก
หรือฝรั่ง 1 ผลเล็ก หรือแอปเปิ้ล 1 ผลเล็ก
ผัก : ควรเลือกผักที่มีสีเขียวเข้ม สีแดง สีส้ม สีเหลือง
ไขมัน : ควรเลือกใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว หรือบางมื้ออาจใช้เนย ? ก้อนเล็ก หรือหัวกะทิ
2 ช้อนกินข้าว แทนไขมัน 1 ช้อนชา

อยากผิวพรรณดี ต้องทาน

 อยากผิวพรรณดี ต้องทาน

เนื้อปลา เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายที่เสื่อมโทรม และยังมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชราและความเสื่อมของร่างกาย

น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันพืชที่แม้จะมีแคลอรีสูงก็จริง แต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์ ต่อร่างกายสูง และเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ที่สำคัญในน้ำมันมะกอก ยังประกอบด้วยวิตามินเอและอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ทำให้ผิวดูอ่อนวัยคงความชุ่มชื้นและเนียนนุ่ม

เมล็ดข้าวและธัญพืช ทั้งข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ งา นอกจากจะมีวิตามินบีสูง และวิตามินอีซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่จะช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของเซลล์แล้ว ยังมีงานวิจัยระบุว่าวิตามินอีช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิว และช่วยปกป้องความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะให้แก่ผิวด้วย

ผลไม้และผักสด ผักสดมีวิตามินเอ ช่วยทำให้ผิวหนังไม่แห้ง สดใสเปล่งปลั่งอยู่เสมอ มีวิตามินซีที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผิวพรรณของใบหน้าดูเต่งตึง มีความยืดหยุ่น ผลไม้ ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ส้ม มะนาว มะเขือเทศ สับปะรด ฝรั่ง ส่วนผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอมาก ได้แก่ กล้วย มะละกอ ฟักทอง แครอท

น้ำเปล่า น้ำทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับทุกระบบภายในร่างกาย และหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผิวพรรณไม่สดใส การดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วโต เป็นวิธีที่ทำให้ผิวผ่องแบบไม่ต้องลงทุนมาก เพราะน้ำจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ และยังป้องกันผิวหย่อนยานจากการลดน้ำหนักอย่างฮวบฮาบอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก...สาระแน.คอม

ยิ่งกินยิ่งไม่สวย

# เครื่องเทศ (หัวหอม กระเทียม และพริกแกง)
หากมีอาหารรสชาตอ ร่อยจานไหน ที่ปรุงด้วยเครื่องเทศเหล่านี้อย่างกระหน่ำมือล่ะก็ ไม่ควรเป็นอย่ายิ่งที่จะสั่งมาทาน เพราะหลังจากที่คุณรับประทานเจ้าพวกนี้เข้าไป กลิ่นอันรุนแรงของมัน ก็จะติดปากคุณแน่นยาวนาน ซึ่งจะทำให้ ความมั่นใจที่จะกระซิบกระซาบต่อกัน จะหดหายไปอย่างแน่นอน
# น้ำอัดลม
สาวๆ ผู้รักสวยทั้งหลาย จงระวังเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมให้ดี เพราะนอกจากน้ำจะทำให้คุณอ้วนกลมได้หากรับประทานบ่อยๆแล้ว มันยังเป็นต้นเหตุของแก็สในกระเพาะอาหาร ที่อาจทำให้คุณเผลอ เรอ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว คงไม่ดีแน่
# ผักดิบ จำพวกกระหล่ำดอก กะหล่ำปลี และบล็อกโคลี
ผัก ดิบเหล่านี้ก็เป็นตัวการอีกตัวที่ทำให้เกิดแก็สในกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องไส้คุณปั่นป่วน อึดอัดอยากผายลม ซึ่งอาจทำให้คุณต้องวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ รู้แบบนี้แล้ว ก็หลีกเลี่ยงเถอะนะ
# ข้อระมัดระวังในงานเลี้ยง
ถ้าหากนัดสำคัญของคุณ บังเอิญเป็นงานเลี้ยง มีแต่อาหารอร่อย เย้ายวนความอยาก กิน กิน กิน ของคุณเสียเต็มประดา นอกจากว่า ให้ระวังภาพพจน์ที่อาจเสียหายเพราะอาหารบางจานข้างต้นแล้ว ก็ยังต้องไม่ลืม ควบคุมตัวเอง ไม่ให้กินเพลินจนอ้วนแผละ เนื่องจากชีวิตนี้ เจองานเลี้ยงบ่อยเหลือเกิน ดังนั้นจึงจำ

ดูดีได้ แค่ทานอาหาร

คุณรู้รึเปล่าว่าอาหารที่เรารับประทานกันทุกวันนี้ บางอย่าง บางชนิด ช่วยทำให้คงความหนุ่ม-สาวที่คุณแสนจะหวงแหนไว้กับคุณได้นานมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!!!


1. หยุดผมร่วง
รับประทาน กล้วย
ผล ไม้มหัศจรรย์ที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ซึ่งมีสรรพคุณป้องกันผมร่วงได้ดี เป็นสารอาหารสำหรับ เส้นผมที่ดีมาก การรับประทานกล้วยเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอ จึงช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่กับหนังศีรษะได้นานวัน ถ้ากล้วยผลใหญ่เกินกว่าจะรับประทานได้สะดวกก็หั่นให้ชิ้นเล็กลงหน่อยหรืออีก วิธี คือ ผสมกล้วยกับแชมพูที่ทำจาก น้ำผึ้งแล้วนำมาสระผม ก็จะช่วยเน้นประสิทธิภาพในการป้องกันผมร่วงและช่วยให้ผมนุ่มสลวยขึ้นด้วย

2. ถ้ามีผิวมันมากเกินไป
ต้องรับประทานธัญญาหารทุกเช้า
เพราะ การรับประทานธัญญาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี2 ทุกวัน จะเป็นตัวช่วยในการหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกินของต่อมผลิตภายในร่างกาย ซึ่งเป ็นสาเหตุหนึ่ง ของเส้นผมบางและมัน แต่ถ้าไม่สะดวกในการรับประทานธัญญาหารเปล่าๆก็ลองผสมกับนมเย็นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติขึ้นก็ได้

3. หยุดการลอกของผิวหนัง
ใช้น้ำมันจาก Primrose ที่มีดอกสีเหลือง
ลอง รับประทานวันละ 2 แคปซูล ทุกเย็น จะช่วยให้ได้ผลดีอย่างยิ่ง ผิวหนังและหนังศีรษะจะดีขึ้น แต่ถ้าการรับประทานอาหารเสริมแคปซูลทำให้เกิดอาการติดคอ ก็เปลี่ยนมา รับประทานปลาแซลมอนใส่เกลือรมควัน อาหารทะเลหรือสลัดผักสดก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะให้สรรพคุณทัดเทียมกับน้ำมัน Primrose ทีเดียว

นิสัยทำลายสุขภาพ อย่างรุนแรง

1. ไม่มีเวลาสำหรับอาหารเช้า
คนจำนวนมากไม่มีเวลาพอสำหรับอาหารเช้า ประโยคยอดนิยม คือ "ขอกาแฟแก้วเดียวก็พอแล้ว" ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกาแฟแก้วเดียวนั้น ไม่พอแน่นอน สำหรับความต้องการของร่างกาย และการใช้พลังงานตลอดภาคเช้าก่อนที่อาหารกลางวันจะตกถึงท้อง
คำแนะนำ : หากไม่สามารถตื่นให้เช้ากว่านี้ได้ ก็ให้ตัดเวลาเตรียมตัวออกไป หรือเตรียมอาหารเช้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เลือกกินผลไม้เปลือกแข็ง และพวกธัญพืชสัก 1 กำมือ ก็เพียงพอที่จะให้พลังงานสำหรับวันใหม่แล้ว

2. กลืนยาเม็ดโดยไม่ดื่มน้ำ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มักจะพบเห็นเสมอ กินยาเม็ดโดยไม่ใช้น้ำ (..ทำได้ไง?) ประเภทคว้ายามาได้ก็กลืนเข้าปาก ทำคอยึกยัก เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี คนประเภทที่ว่านี้มักจะถือคติ ทำชีวิตให้ง่ายเข้าไว้ พฤติกรรมดังกล่าวนี้..ผิดอย่างมหันต์ เสี่ยงต่อการเกิดแผลเปื่อยอย่างรุนแรงบริเวณหลอดอาหาร จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว
คำแนะนำ : ทางแก้ง่ายๆ สำหรับกรณีนี้ คือ ดื่มน้ำตามหลังกินยาทุกครั้ง ทำให้ติดเป็นนิสัย เพราะมันดีต่อสุขภาพ

3. เข้าฟิตเนสไม่สม่ำเสมอ แต่โหมออกกำลังกาย
หลายคนมีงานรัดตัว พอนึกขึ้นว่าไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายสัปดาห์ ก็วิ่งเข้าฟิตเนสเลย หวังว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้น ก็โหมออกกำลังกาย เพราะรู้ตัวว่ามีเวลาน้อย แถมไม่ได้ทำมานาน และผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจจะเสียสมดุลไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
คำแนะนำ : หากคุณหายไปจากโรงยิมนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ สิ่งที่ควรจะทำ คือ กลับมาเริ่มใหม่ ตั้งแต่วอร์มร่างกายและเริ่มออกกำลังกายทีละน้อย ไม่หักโหม ค่อยปรับระดับไปเรื่อยๆ ตามสมดุลของร่างกาย และทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ร่างกายก็จะกลับมามีกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่แข็งแรงเหมือนเดิม
 

สูตรสำเร็จเพิ่มความฉลาด

1.  บริหารสมองอยู่เสมอ
  ยิ่งเราใช้สมองมากและบ่อยเท่าไหร่  เซลล์สมองจะยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้นเท่านั้น  ซึ่งนั่นก็จะส่งผลให้ความสามารถในการจำดีขึ้นตามไปด้วย  วิธีบริหารสมอง  เช่น  การเล่นหมากฮอส  ต่อจิ๊กซอว์  หรือเล่นครอสเวิร์ดในเวลาว่าง

2.  กินยาเสริมความจำ
  มีผลการวิจัยยืนยันว่าหลังจากการกินโสมในปริมาณ  400 มิลลิกรัมไปแล้ว  1 ชั่วโมง  จะทำให้ความสามารถในการจำดีขึ้นและส่งผลต่อไปอีกถึง  6 ชั่วโมง  แปะก๊วยก็มีการยืนยันว่าส่งผลดีต่อระบบความจำเหมือนกัน  เพราะจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในสมอง  นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในอเมริกาพบว่า  Vinpocetine  ที่สกัดได้ขากต้น  Periwinkle (ไม้เลื้อยชนิดหนึ่งที่มีดอกสีฟ้า  ใบเข้มเป็นมัน)  นั้นจะช่วยเพิ่มความจำและความจดจ่อในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้มากขึ้นได้

3.  กินผักและผลไม้สด
  เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงในผักและผลไม้สด จะไปทำลายอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจากการสะสมเป็นเวลานอนของเนื้อเยื่อไขมันอันจะ ทำให้สมองอ่อนแอลง  และช่วยชะลออาการความจำถดถอยในผู้สูงอายุ  อาทิ  ผมไม้ที่มีสีแดง  ม่วง  และน้ำเงิน  โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ  จะมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีความเข้มข้นสูงที่เรียกว่า  Anthocyanidin

4.  ลดปริมาณแอลกอฮอล์
  เพราะจะส่งผลต่อการปลดปล่อยสาระสำคัญในสมองโดยจะไปขัดขวางความสามารถในการสร้างความจำใหม่ ๆ  โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นชื่อ  ตัวเลข  และเหตุการณ์ณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น  ยิ่งไปกว่านี้  ความสามารถในการระลึกเหตุการณ์ณ์หรือเรื่องราวเก่า ๆ  ในอดีตก็จะถูกบั่นทอนไปด้วย

18 คำตอบ ที่ทำให้คุณไม่มีเรี่ยวแรง

หนังสือพิมพ์ต่างประเทศ daily mail เข้าเล่าว่า

เวลาที่เราอ่อนเพลีย เรามักโทษความเครียดและการนอนน้อย แต่ยังมีสิ่งผิดปกติอื่นๆ อีกที่สามารถสูบพลังจนหมดตัวคุณได้ 

มีอยู่ 18 คำตอบที่จะบอกได้ว่าทำไมเราถึงเพลียกันได้ เพลียกันดีครับ พี่น้อง เอิ๊กๆๆ

1. ใช้โทรศัพท์มากเกินไป
คุณจะเสียน้ำในร่างกายไปทางปากขณะพูด
ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า 'phone-fatigue'ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพนักงานตามศูนย์บริการลูกค้า อาการขาดน้ำทำให้เลือดแข็งตัวและลดปริมาณออกซิเจนในระบบที่เป็นตัวให้พลังงาน

ดัง นั้น ถ้าพี่น้องใช้โทรศัพท์นาน ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างคุย แต่ไม่ใช่แบบดื่มไปคุยไปนะครับ อึกๆๆอ๊อกๆๆ อะแหวะๆ เด๋ยวไม่รู้เรื่อง เอิ๊กๆๆๆ

2. ความดันเลือดต่ำ
ความดันเลือดต่ำคือสาเหตุใหญ่ที่คุณหมดแรง แพทย์ยังไม่รู้ว่าทำไม แต่เป็นไปได้ว่ามันทำให้เลือดส่งไปยังสมองไม่เต็มที่ซึ่งอาจทำให้อ่อนเพลีย อาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคนที่มีความดันเลือดต่ำ คือ รู้สึกหน้ามืดเวลาลุกขึ้นปุปปับ หรือเวลายืนนานๆถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ ชัวร์สุดครับ 

3. เล่นเน็ตดึกเกินไป
ฮอร์โมนเมลาโทนินจะกระตุ้นให้เรานอนหลับ แต่แสงจากจอคอมพิวเตอร์ อาจทำให้เราหลับยากโดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังดูสิ่งที่สนใจอยู่ ซึ่งทำให้คุณมักนอนดึก และมีเวลานอนหลับน้อยลงให้คุณทำอย่างอื่นที่ผ่อนคลายกว่า เช่น อ่านหนังสือแล้วดูสิว่าคุณจะตื่นตัวมากกว่าเดิมในวันใหม่หรือเปล่า

4. กินอาหารไม่เต็มที่
การเฝ้ารออาหารจะเพิ่มปริมาณน้ำย่อย และทำให้เราดูดซับสารอาหารได้มากขึ้นที่มันเกี่ยวกับอาการอ่อนเพลีย ก็เพราะการขาดธาตุเหล็กคือหนึ่งในสาเหตุของความอ่อนเพลียที่พบมากในผู้หญิงดังน ั้นไม่ว่าอะไรที่เพิ่มระดับสารอาหารให้คุณก็จะเพิ่มพลังใจและกายให้ด้วย สู้ๆครับ

5. ไม่ออกกำลัง
นักวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังอย่างน้อย 20 นาทีแม้จะแค่อาทิตย์ละครั้งก็จะรู้สึกอ่อนเพลียน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังเลย
ประมาณ ! 30%ถ้าเห็นว่าออกกำลังเป็นเรื่องยากเกินไปให้คุณกินผักและผลไม้เพิ่มคนที่กินผักผลไม้อย่างน้อย 4-5 จานต่อวัน
จะออกกำลังได้อย่างสบายๆ