โปรโมทเว็บไซต์คุณกับแอดยิ้มวันนี้ กระจายโฆษณาของคุณ สู่เว็บไซต์คุณภาพ

บทความล่าสุด

สุขภาพ การดูแลผิว ป้องกันโรค แพทย์ ยา สมุนไพร

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นิสัยทำลายสุขภาพ อย่างรุนแรง

1. ไม่มีเวลาสำหรับอาหารเช้า
คนจำนวนมากไม่มีเวลาพอสำหรับอาหารเช้า ประโยคยอดนิยม คือ "ขอกาแฟแก้วเดียวก็พอแล้ว" ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วกาแฟแก้วเดียวนั้น ไม่พอแน่นอน สำหรับความต้องการของร่างกาย และการใช้พลังงานตลอดภาคเช้าก่อนที่อาหารกลางวันจะตกถึงท้อง
คำแนะนำ : หากไม่สามารถตื่นให้เช้ากว่านี้ได้ ก็ให้ตัดเวลาเตรียมตัวออกไป หรือเตรียมอาหารเช้าไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืน เลือกกินผลไม้เปลือกแข็ง และพวกธัญพืชสัก 1 กำมือ ก็เพียงพอที่จะให้พลังงานสำหรับวันใหม่แล้ว

2. กลืนยาเม็ดโดยไม่ดื่มน้ำ
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มักจะพบเห็นเสมอ กินยาเม็ดโดยไม่ใช้น้ำ (..ทำได้ไง?) ประเภทคว้ายามาได้ก็กลืนเข้าปาก ทำคอยึกยัก เท่านั้นเป็นอันเสร็จพิธี คนประเภทที่ว่านี้มักจะถือคติ ทำชีวิตให้ง่ายเข้าไว้ พฤติกรรมดังกล่าวนี้..ผิดอย่างมหันต์ เสี่ยงต่อการเกิดแผลเปื่อยอย่างรุนแรงบริเวณหลอดอาหาร จนอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว
คำแนะนำ : ทางแก้ง่ายๆ สำหรับกรณีนี้ คือ ดื่มน้ำตามหลังกินยาทุกครั้ง ทำให้ติดเป็นนิสัย เพราะมันดีต่อสุขภาพ

3. เข้าฟิตเนสไม่สม่ำเสมอ แต่โหมออกกำลังกาย
หลายคนมีงานรัดตัว พอนึกขึ้นว่าไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายสัปดาห์ ก็วิ่งเข้าฟิตเนสเลย หวังว่าร่างกายจะแข็งแรงขึ้น ก็โหมออกกำลังกาย เพราะรู้ตัวว่ามีเวลาน้อย แถมไม่ได้ทำมานาน และผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ ระบบการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจจะเสียสมดุลไปอีกระยะเวลาหนึ่ง
คำแนะนำ : หากคุณหายไปจากโรงยิมนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ สิ่งที่ควรจะทำ คือ กลับมาเริ่มใหม่ ตั้งแต่วอร์มร่างกายและเริ่มออกกำลังกายทีละน้อย ไม่หักโหม ค่อยปรับระดับไปเรื่อยๆ ตามสมดุลของร่างกาย และทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ร่างกายก็จะกลับมามีกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่แข็งแรงเหมือนเดิม
 



4. กินอาหารเสริมมากเกินไป
สำหรับคนที่มีสตางค์แล้ว อาหารเสริมกลายเป็นปัจจัยที่ 6 แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ปริมาณวิตามินแลเกลือแร่ที่มากเกินไปนั้นสามารถเป็นอันตรายต่อร่างกายได้โดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินดี และเบต้าแคโรทีน
คำแนะนำ : คุณควรจะได้รับสารอาหารจากอาหารมากกว่า แต่หากคุณไม่สามารถทำได้ วิตามินรวมก็เป็นทางเลือกหนึ่ง โดยกินเพียงวันละ 1 เม็ด และหากคุณสงสัยเรื่องโรคติดต่อทางพันธุกรรมก็ควรที่จะตรวจร่างกายเสียก่อน

5. ยาแก้อักเสบเหรอ หายดีแล้วจะกินทำไม
อันนี้หลายคนอ่านแล้วอมยิ้ม (ถูกใจ..ใช่เลย) คงไม่ต้องยกเหตุผลเรื่องของการดื้อยามาบอก แต่คุณรู้ไหมว่า ไม่ใช่แต่คุณเท่านั้นนะที่จะเดือดร้อนเพราะเรื่องของอาการดื้อยานั้น แต่โรคนั้นจึงอาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก หรือเชื้ออาจจะกลายพันธุ์ได้
คำแนะนำ : กินยาให้ถูกต้องและครบจำนวนตามคำแนะนำของแพทย์

6. เลือกแว่นกันแดดที่ความเท่
โดยไม่เคยดูเปอร์เซ็นต์การปกป้องรังสี UV ส่วนมากหยิบแว่นมาลองใส่เพราะความเท่ พลิกซ้าย พลิกขวาอยู่หน้ากระจก เอ้า! เหมาะกับใบหน้าแล้ว จ่ายสตางค์ได้ คุณลืมไปหรือเปล่าว่า แว่นกันแดดนั้นมีผลต่อสายตา ยิ่งทุกวันนี้ที่แดดร้อนแรงขึ้น แว่นกันแดดที่ไม่ได้มาตรฐาน จะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าการไม่สวมแว่นกันแดดเลย
คำแนะนำ : ควรสวมแว่นกันแดดที่ป้องกันรังสี UV ได้ 100% เท่านั้น

7. เชื่อว่าร่างกายต้องทนทานได้มาก ถึงจะเป็น "ตัวจริง"
หากความเชื่อแบบนี้ เกิดขึ้นกับทุกกิจกรรมที่คุณทำ หากคุณเชื่อว่าร่างกายของคุณแข็งแกร่งเกิน 100 และทนทานได้มากกว่าคนอื่นๆ การทนรับความเจ็บปวดทางกายให้มากที่สุด คือ หนทางของตัวจริง
คำแนะนำ : ร่างกายก็ไม่ใช่เหล็ก และ "ความเจ็บปวด" ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่ร่างกายใช้เตือนว่า ให้เลิกทำกิจกรรมนั้นๆ เถอะ เพราะเป็นอันตรายได้ การทำกิจกรรมทุกอย่างควรทำด้วยความระมัดระวัง และอย่าฝืนหากว่าร่างกายส่งสัญญาณเตือนแล้ว

8. ใช้เวลากับการนอนหลับ น้อยถึงน้อยที่สุด
การพักผ่อนนอนหลับน้อย เอาเวลาไปทุ่มให้กับงาน แต่บ้างก็เฮฮาอยู่ตามวงสังสรรค์ เช้าตรู่ตื่นขึ้นมาทำงาน ทั้งที่เพิ่งนอนไปตอนตี 3 การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอมีผลเสียต่อขบวนการเมตาบอลิซึ่มและหน้าที่ของฮอร์โมนอายุของร่างกาย และสามารถเพิ่มความรุนแรงของความผิดปกติที่สัมพันธ์กับอายุ เช่น โรคหัวใจและเบาหวานได้
คำแนะนำ : ลดกิจกรรมก่อนนอน เข้านอนให้เร็วขึ้นสัก 1/2 ชั่วโมง หากเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ งดออกกำลังกายตอนเย็นเพราะร่างกายของคุณจะตื่นตัว มีอุณหภูมิสูง และนอนไม่หลับ ทำอะไรที่เพลินๆ นิ่งๆ เช่น อ่านหนังสือก็จะช่วยได้

9. ลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม
วันนี้ไม่ใช่แต่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่สนใจเรื่องการลดน้ำหนัก คุณผู้ชายเขาก็ไม่อยากอ้วน มีอีกหลายคนที่ควบคุมน้ำหนัก ระงับความอยาก (กิน) หลายคนเลือกใช้วิธีการงดอาหารบางประเภท เช่น ไม่กินไขมัน เขี่ยไขมันทุกประเภทออกจากจาน หรือลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต อะไรก็ตามที่ไม่ใช่สมดุล ย่อมนำความเสียหายมาสู่ร่างกาย ซึ่งอาจไม่ใช่ผลที่เห็นระยะสั้น แต่เป็นผลระยะยาว
คำแนะนำ : การลดน้ำหนักด้วยการงดอาหารกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (หรือกินแต่ก็น้อยมาก) ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง อาหาร 5 หมู่ ยังสำคัญ และกินอาหารตามตารางโภชนาการ เพื่อความสมดุลของร่างกาย (ข้อเท็จจริง คือ คุณอ้วน เพราะกินมากเกินไปต่างหาก)

10. เนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่..เล็บเท้าไม่สนใจ
เล็บเท้า ดูจะเป็นอวัยวะที่ถูกหลงลืม โดยเฉพาะในผู้ชาย ลองสำรวจตัวเองดูว่า คุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะตัดเล็บเท้าโดยไม่ตัดมุมเล็บออกไปด้วยใช่หรือไม่ ถ้าใช่ นั่นเป็นวิธีการตัดเล็บเท้าที่ผิด เพราะปลายเล็กๆ นั้นอาจทำให้เกิดอาการเล็บขบ หรือทิ่มแทงเนื้อเมื่อคุณมี กิจกรรมประเภทที่ต้องอาศัยเท้า และมีแรงกระแทก เช่น เล่นฟุตบอล แผลเล็กๆ ที่เท้าเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และลุกลามเป็นปัญหาเรื้อรังได้
คำแนะนำ : หันมาเอาใจใส่กับเล็บเท้า และเลือกกรรไกรตัดเล็บที่เหมาะสม และหากคุณสังเกตพบเชื้อราที่เล็บเท้า ควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
นี่คือ 10 นิสัยที่ทำลายสุขภาพ สำรวจตัวเองหรือคนข้างๆ คุณดูซิวา มีนิสัยต่างๆ เหล่านี้หรือไม่ แล้วแก้ไข..ด่วน!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น